วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2552

Ice Age 2 : The Meltdown


นี่คือหนังภาคต่อที่ห่างจากภาคแรกพอสมควร จนไม่คิดว่าจะมีภาคต่อซะแล้ว จากภาคแรกที่ประสบความสำเร็จอย่างเหนือความคาดหมาย

ด้วยตัวละครที่มีบุคลิกโดดเด่นและแตกต่าง แมนนี่ แมมมอธ ผู้มีอดีตฝังใจจากการสูญเสียครอบครัว ซิดตัวละครพูดมากที่มากับบทตัวตลกประจำทีม แต่ด้วยความซ่อและจริงใจทำให้ไม่มีโกรธซิดได้ลง และดีเอโก้ เสือจอมเจ้าเล่ห์ที่ค้นพบมิตรภาพที่แท้จริง

เรื่องราวในภาคนี้ต่อเนื่องหลังจากโลกเข้าสู่ยุคน้ำแข็ง และตอนนี้ มันกำลังจะละลาย (ให้สงสัยว่า ทำไมเจ้าพวกนี้ถึงอยู่ได้นานกันขนาดนี้) ครั้งนี้เหล่าสรรพสัตว์ต้องหนีน้ำท่วม

หนังยังจับประเด็นเกี่ยวกับครอบครัวเหมือนในภาคแรก ในภาคนี้ได้ส่ง เอลลี่ ลงมาประกบกับแมนนี่ แมมมอธสาวที่คิดว่าตัวเองเป็นตัวพอสซั่ม ที่มีน้องตัวกระจิ๋วหลิว ให้แมนนี่รู้จัก รัก อีกครั้ง

หนังมีมุกตลกสอดแทรกอยู่ตลอดเรื่อง ดูแล้วเพลินและขำได้ตลอด เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้ตลอดเรื่อง โดยเฉพาะ เจ้าตัวพอสซั่มจอมกวนสองตัว เป็นตัวขโมยซีนประจำภาคนี้ไปเลย เหมือนกับที่เจ้ากระรอกตามหาลูกนัท ทำได้ในภาคแรก ซึ่งภาคนี้เจ้ากระรอกตัวเดิมก็ยังมาตามล่าลูกนัทต่อไป แต่เนื่องจากเห็นบทบาทมาตั้งแต่ภาคแรกแล้ว ภาคนี้เลยเป็นที่คาดเดาได้

หากเทียบกับภาคแรกแล้ว นี่เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่ ภาคสองดีไม่เท่าภาคแรก อาจจะเป็นเพราะในภาคนี้ขาดความขัดแย้งระหว่างตัวละครไปพอสมควร แมนนี่ที่ต้องอยู่กับความอึดอัด ในการช่วยเหลือเด็กมนุษย์ให้ได้พบครอบครัว
ครอบครัวมนุษย์ที่ทำลายครอบครัวของแมนนี่เอง

ความขัดแย้งในตัวของดีเอโก้ จากแรกเริ่มที่เข้ามาเพื่อหลอกลวง แต่เมื่อเวลาผ่านไปมิตรภาพที่เกิดระหว่างการเดินทาง ที่สอนให้ดีเอโก้รุ้จักคำว่าพวกพ้องจริง ๆ ทำให้การตัดสินใจในช่วงสุดท้ายของเรื่องเป็นจุดที่น่าสนใจ

แต่ภาคนี้หนังเน้นไปเรื่องความรักของ แมนนี่และแอลลี่ แม้จะมีแทรกเกี่ยวกับเรื่องการค้นหาตัวเอง ของ ซิด เรื่องความกลัวของดีเอโก้ แต่ก็เป็นเพียงประเด็นเล็ก ๆ ที่ไม่ได้เป็นแกนของเรื่องได้มากนัก

ทำให้ภาคต่อนี้ เป็นหนังที่ดูได้เพลิดเพลินเจริญใจ แม้จะไม่ได้รู้สึกลึกซึ้งมากเท่ากับภาคแรกนัก แต่หลายๆ มุกผมขำจนเกือบตกเก้าอี้เลยล่ะ บรรยากาศเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็ก ๆ ในโรง ก็ดูเข้ากันได้ดีกับหนังเรื่องนี้ เป็นหนังบันเทิงเพื่อครอบครัวอย่างแท้จริง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น